วันนี้ (20 ก.ย.) ที่โรงแรมตรัง กทม.สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดประชุมการยกระดับการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา โดยมีผู้บริหาร สอศ. ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษากลุ่มเสี่ยง 53 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดย ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยปัญหาดังกล่าว และอยากให้การแก้ปัญหานักเรียนนักศึกษาทะเลาะวิวาทนั้นมีมาตรการที่เข้มข้นและเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอันดับแรกตนจะต้องหยุดเลือดการแก้ปัญหานี้ให้ได้ โดยการก่อเหตุจากนักศึกษาวิทยาลัยกลุ่มเสี่ยงทั้ง 53 แห่งจะต้องหมดไป รวมถึงจะมีการปรับโครงสร้างภายในสอศ.ให้มีการจัดตั้งศูนย์แก้ปัญหานักเรียนนักศึกษาทะเลาะวิวาทขึ้น เพื่อให้ดูแลการแก้ปัญหานี้โดยตรง ขณะเดียวกันวิทยาลัยอาชีวศึกษากลุ่มเสี่ยงจะต้องสร้างเครือข่ายการทำงานในการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังด้วย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นจุดบอดสำคัญที่วิทยาลัยยังขาดความร่วมมืออยู่ ทั้งนี้หากตนยังพบวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนแห่งไหนก่อเหตุซ้ำซากและเพิกเฉยในการแก้ปัญหาจะใช้มาตรการทางการบริหารทันที เช่น ตั้งสอบวินัย หรือ โยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษา เป็นต้น นอกจากนี้อยากให้ครูอาชีวะได้ละลายพฤติกรรมการสร้างค่านิยมของรุ่นพี่เรื่องการยกพวกไปตีสถาบันอื่นด้วย เนื่องจากเราต้องสร้างภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษาเรียนแล้วมีงานทำไม่ใช่เรียนแล้วมายกพวกตีกัน ซึ่งนักเรียนอาชีวะเหล่านี้ในอนาคตจะต้องเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศ
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือรุมสกรัมปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเชื่อว่าปัญหาเหล่านี้แก้ได้อย่างแน่นอน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียว โดยที่ผ่านตนใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มข้นกับเด็กนักศึกษาที่ก่อเหตุไปแล้วหลายราย แต่ปัญหาก็ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งสิ่งสำคัญคือวิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่งจะต้องทำอย่างจริงจังกับมาตรการที่ส่วนกลางมอบให้ไป รวมถึงครูและผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องกวดขันร่วมมือด้วย โดยเราจะต้องช่วยกันหยุดมรดกบาปเหล่านี้ เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มีค่านิยมผิดๆกับการยกพวกตีกันจากรุ่นพี่ เช่น เมื่อมีรุ่นน้องปี 1 เข้ามาเรียนก็จะทดสอบรุ่นน้องด้วยการให้ไปตีกับสถาบันอื่นหากไม่ทำตามก็จะถูกเรียกว่าไอ้ป๊อด เป็นต้น รวมถึงมีการลงขันภายในสถาบันเพื่อซื้ออาวุธปืนเก็บไว้ด้วย ซึ่งตนเชื่อว่ารุ่นน้องทุกคนไม่ได้อยากทำแน่แต่ด้วยความกลัวและถูกบังคับจึงเกิดค่านิยมผิดๆเหล่านี้จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นขอฝาก สอศ.ให้เข้มงวดกับวิทยาลัยให้มากขึ้น รวมถึงส่งรายชื่อนักศึกษากลุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะได้รู้เบาะแสและเฝ้าระวังต่อไป ... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/599559 |